fbpx

วัดสมานรัตนาราม ฉะเชิงเทรา

วัดสมาน

วัดสมานรัตนาราม พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข ฉะเชิงเทรา

วัดพระพิฆเนศ ฉะเชิงเทรา หรือที่หลายคนรู้จักดีในชื่อของ วัดสมานรัตนาราม  เพราะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขนี้เอง ที่ทำให้วัดสมานรัตนารามแห่งนี้มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปอย่างกว้างขวาง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีผู้ใดมาขอพรก็มักจะสำเร็จสมดังใจหวัง จนทำให้เป็นที่นับถือของคนทั่วไปอย่างรวดเร็ว พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์นี้ มีเนื้อองค์เป็นสีชมพูและอาจเรียกได้ว่า เป็นพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

วัดสมาน

.

ปางนอนเสวยสุขนั้นมีความหมายว่า เป็นปางที่ประทานความมีกินมีใช้ เงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ ขจัดปัญหา ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ เนื้อองค์มีสีชมพู รอบฐานมีปางต่างๆถึง 32 ปางให้ชม

วัดสมานรัตนาราม

.

ภายใต้ฐานพระพิฆเนศเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับพระพิฆเนศปางต่างๆ พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเช่าพระพิฆเนศไปบูชาที่บ้าน ทางวัดได้เปิดให้ประชาชนสักการะกราบไหว้องค์พระพิฆเนศ โดยจัดพื้นที่ให้เป็นศาลาริมแม่น้ำ ภายในศาลาเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศจำลองปางต่างๆ อีกทั้งมีพระพุทธรูป ให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะขอพร

.

.

ถ้านักท่องเที่ยวสังเกตด้านหน้าฐานพระพิฆเนศ จะเห็นปูนปั้นรูปหนูอยู่สองตัว ที่ยืนทำมือป้องหูไว้ ตามประวัติเล่าว่า พระพิฆเนศมีหนูเป็นบริวาร และในความเชื่อของผู้ที่เคารพและสักการะขอพรเป็นประจำ เชื่อว่าถ้าอยากได้สิ่งใด ขอพรสิ่งใดให้สมหวัง ให้ไปกระซิบที่หูหนู แล้วเจ้าหนูบริวารนี้จะนำความไปบอกท่านพระพิฆเนศ ให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา และที่สำคัญอย่าลืมติดสินบนหนูด้วย โดยการทำบุญใส่ตู้ที่วางไว้ด้านหน้า

วัดสมานรัตนาราม


พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข

วัดสมานรัตนาราม


วัดสมานรัตนารามแห่งนี้ นอกจากจะมีพระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุขสีชมพู องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นที่เคารพ ขอพรแก่คนทั่วไปแล้ว ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆให้กราบไหว้บูชาขอพรอีกมากมาย เรียกได้ว่ามาที่วัดสมานฯแห่งเดียว ทำบุญได้ครบทุกด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทำสังฆทาน, ทำบุญโรงศพ, บริจาคช่วยค่าน้ำค่าไฟกับทางวัด ฯลฯ

สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆที่อยู่ในบริเวณวัด ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือไม่แพ้องค์พระพิฆเนศ ซึ่งก็ขึ้นกับความเชื่อของแต่ละคนเช่นกัน อาทิเช่น พระราหูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ, พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ, หลวงพ่อประทานพร, พระปางลีลา ให้ขอโชคลาภและให้สุขภาพแข็งแรง, พระพิฆเนศปางปาฏิหาริย์ 108 กร รวมทั้งเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตรและโชคลาภ เป็นต้น


พระพิฆเนศปางปาฏิหาริย์ 108 กร

พระพิฆเนศวร ปางปาฏิหาริย์ 108กร ขอสิ่งใดสำเร็จรวดเร็วทันใจดังปาฎิหาริย์

วัดสมานรัตนาราม


 

เจ้าแม่กวนอิม หรือ พระโพธิสัตว์กวนอิม (ปางประทานบุตร และโชคลาภ)

เจ้าแม่กวนอิม หรือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ประทับที่วัดสมานฯแห่งนี้ เป็นปางประทานบุตร และโชคลาภ เป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตร

ด้านล่างฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม เป็นห้องจัดแสดงเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ รวมทั้งยังมีวัตถุมงคลให้บูชากลับบ้าน ส่วนรอบฐานเจ้าแม่กวนอิมด้านนอกนั้น มีรูปปูนปั้นเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิม และตำนานเซียนต่างๆ

ผู้ที่นิยมไปไหว้ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตรนี้ วัตถุประสงค์เพื่อขอให้ได้บุตร โดยเฉพาะเพศชาย และยังขอไปถึงเรื่องของหน้าที่การงาน เงินทอง และโชคลาภอีกด้วย

เจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตร


 

พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ (หรือช้างสามเศียร)

พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ (หรือช้างสามเศียร)


 

พระราหู

การไหว้พระราหู ตามความเชื่อจะทำให้เกิดโชคลาภ และความสำเร็จ ซึ่งมีโอกาสร่ำรวยด้วยการบูชาพระราหู ซึ่งการบูชาพระราหูจะนำความสำเร็จและโชคอย่างดีที่สุด รวมทั้งการไหว้พระราหูนี้จะช่วยในเรื่องของการแก้ปีชง

** ทุกวันพุธ เปิดให้ไหว้ถึง 4 ทุ่ม**

พระราหู


 

ท้าวมหาพรหม

นิยมกราบไหว้ ขอพรในเรื่องหน้าที่การงาน ให้ประสบความสำเร็จ

ท้าวมหาพรหม

ใต้ฐานพระพรหม จะเป็นห้องจัดแสดง เทวรูปต่างๆที่เกี่ยวกับพราหมณ์ และเป็นจุดที่จำหน่ายของที่ระลึก และเช่าบูชา

บรรยากาศภายในวัดสมานรัตนาราม


 

ประวัติวัดสมานรัตนาราม

วัดสมานรัตนาราม ปัจจุบันตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีที่ดินตามหน้าโฉนด ที่ตั้งวัดทั้งหมด 26 ไร่ 3 งาน 50 ตารางวา

ในอดีตก่อนที่จะมาเป็นวัดแห่งนี้ มีเรื่องเล่าสืบกันต่อกันมาตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้น มีครอบครัวหนึ่งเป็นคหบดีอยู่ในฐานะมั่นคง เป็นที่เคารพนับหน้าถือตาของคนในระแวกนั้นคือ ครอบครัวของท่านขุนสมานจีนประชา(เดิมชื่อจ๋าย) สกุลของท่านขุนสมานจีนประชาคือ “สืบสมาน” ท่านขุนมีภรรยา 2 คนคือ นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน (สกุลเก่า-เพิ่มนคร)

เมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่กรรม ภรรยาทั้ง 2คนของท่านขุนสมานจีนประชา พร้อมด้วยนางยี่สุ่น วิริยะพานิช มีความศรัทธาคิดจะสร้างวัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สามีผู้ล่วงลับจึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมา ซึ่งมีปรากฏตามหลักฐาน เมื่อ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) ทรงเสด็จทางชลมารค์ผ่านมา ได้ทรงแวะเยี่ยมวัดแห่งนี้ ซึ่งขณะนั้นกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และได้มีชาวบ้านผู้หนึ่งชื่อ นายเหว่า โพนสุวรรณ์ นำนกกวักเผือกถวาย ณ ที่วัดแห่งนี้ด้วย

เมื่อวัดสร้างเสร็จเรียบร้อย จึงได้ตั้งชื่อวัดว่าวัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร” เป็นการนำชื่อของท่านขุนสมานจีนประชา และนามสกุลเดิมของภรรยาคนหนึ่งมารวมด้วยกัน เริ่มแรกวัดแห่งนี้ป็นวัดราษฎ์ คณะสงฆ์ที่ปกครองวัดสมัยนั้น เป็นฝ่ายมหานิกายแต่ปกครองได้ไม่นานนัก ต่อมาผู้สร้างวัด วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร แห่งนี้ให้กับพระสงฆ์ในคณะธรรมยุตดูแล โดยมีพระครูศิริปัญญามุนีเป็นประธานสงฆ์ในการรับถวายวัดนี้ ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า “วัดใหม่ขุนสมาน” มาจนถึงทุกวันนี้

ตำแหน่งที่ตั้งของวัดสมานรัตนาราม อยู่ในตำแหน่ง “ฮวงจุ้ยมงคล” (ถุงเงินถุงทอง) วัดสมานรัตนารามเดิมทีไม่ค่อยมีคนรู้จักว่าอยู่แห่งหนตำบลไหน มีความสำคัญอย่างไร มีหมอดูท่านหนึ่งเคยดูไว้ว่า วัดแห่งนี้ทึมๆผู้คนไม่รู้จักแต่มีของดี ต่อมาได้มีพระหนุ่มรูปหนึ่งมาบวชที่วัดนี้ ท่านได้ปวารณาไว้ว่าจะพัฒนาวัดอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน ให้เจริญและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพื่อเผยแผ่สืบทอดพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เป็นเวลาสิบกว่าปีความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ได้ลั่นวาจาไว้ก็เป็นไปอย่างที่ราบรื่น วัดได้พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด เพราะท่านได้สละแรงกายแรงใจ และสติปัญญา เกินกว่าวัยของท่านมากยิ่งนัก ปัจจุบันวัดสมานรัตนาราม ไม่ได้รู้จัก เฉพาะในหมู่คนไทยในประเทศ แม้แต่ต่างประเทศทั่วโลกก็รู้จัก ผู้คนเดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วันละหลายหมื่นคน ยิ่งทำให้วัดพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงศรัทธาของพระหนุ่มองค์นั้น ท่านก็คือ พระครูธรรมธรไพรัตน์ ปัญญาธโร พระนักพัฒนาอันทรงคุณค่านั่นเอง

และนอกจากท่านพระครูจะพัฒนาวัดสมานฯ แห่งนี้ให้เจริญทั้งเรื่องพระพุทธศาสนาแล้ว วัดแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไป ในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ คือ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ซึ่งเป็นปางนอนองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วัดสมานฯแห่งนี้เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม วัดสมานรัตนาราม โทร 081-9830400


 

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปวัดสมานรัตนาราม โดยรถยนต์ส่วนตัว

1. จากกรุงเทพใช้เส้นทางมีนบุรี (ทล.304)
– 
ไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา สังเกตป้ายบอกทางเมื่อจะเข้าแปดริ้ว ให้เลี้ยวซ้ายบนสะพาน ดูป้ายฉะเชิงเทรา (ตรงไปจะไปชลบุรี )
– ขับรถไปเรื่อย ๆ จะเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา ผ่าน สถานีรถไฟ – วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา
– เมื่อถึงวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา ให้ขับรถชิดขวา เพื่อเตรียมขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง
– เมื่อลงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง (สะพานเฉลิมพระเกียรติ) ขับรถตรงไปจนถึงสี่แยกไฟแดง แยกคอมเพล็กซ์
– จากแยกคอมเพล็กซ์ ให้เลี้ยวซ้าย ไปทาง อ.บางคล้า
– ขับรถทางตรงประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้าวัดสมานฯ มีป้ายบอกชัดเจน ให้เลี้ยวช้ายเข้าไป
– ขับรถทางตรงต่อไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะมีทางเบี่ยงขวา ให้สังเกตป้าย วิ่งข้ามสะพานสูงซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำ
– ลงสะพานแล้วให้ขับรถทางตรงต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้าวัดสมานรัตนาราม

2. จากกรุงเทพใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์
– 
เมื่ออกจากมอเตอร์เวย์ ให้ไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยใช้เส้นทาง ทล314
– ขับรถทางตรงไปเรื่อย ๆ ประมาณ 12 กม. จะถึงสามแยกไฟแดง เพื่อเข้า ถนน ทล.304 (ไป อ.บางคล้า,อ.พนมสารคาม)
– เมื่อถึงสามแยกไฟแดงใหญ่ที่จะไป อ.บางคล้า ให้เลี้ยวขวา เข้าสู่ ทล.304 (ไป อ.บางคล้า,อ.พนมสารคาม)
– ขับรถทางตรงประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้าวัดสมานฯ มีป้ายบอกชัดเจน ให้เลี้ยวช้ายเข้าไป
– ขับรถทางตรงต่อไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะมีทางเบี่ยงขวา ให้สังเกตป้าย วิ่งข้ามสะพานสูงซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำ
– ลงสะพานแล้วให้ขับรถทางตรงต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้าวัดสมานรัตนาราม


การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปวัดสมานรัตนาราม โดยรถตู้ประจำทาง

รถตู้โดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ คิวรถอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัย รถใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์
• คิวรถวัดสมานฯ โทร. 080-099 9144
• คิวรถอนุสาวรีย์ชัยฯ โทร. 080-646 9227


การเดินทางจากสถานีขนส่งฉะเชิงเทรา ไปวัดสมานรัตนาราม โดยรถสองแถว 
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการเดินทางไปวัดสมานฯ สามารถมาขึ้นรถสองแถวได้ที่ สถานีขนส่งใหม่ ฉะเชิงเทรา (ตรงข้ามห้างบิ๊กซี1) ค่ารถ 30 บาท

วัดสมานรัตนาราม


หน้าแรก | เทียวแปดริ้ว | เที่ยวเชิงเกษตร เที่ยวธรรมชาติตลาดโบราณวัด

%d bloggers like this: